
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต การ “เช่าบ้านออนไลน์” กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส เราก็สามารถค้นหาบ้านหรือคอนโดที่ถูกใจผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น Marketplace หรือเว็บไซต์นายหน้าชั้นนำ แต่ในความสะดวกนั้น ก็มักแฝงไปด้วย “กับดัก” ที่ผู้ไม่หวังดีใช้หลอกลวงผู้เช่าหน้าใหม่
เคยไหมคะ เห็นบ้านสวยในรูปแต่ของจริงโทรมเกินคาด หรือโอนเงินจองแล้วเจ้าของหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยมากในยุคดิจิทัล หากไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจ
วันนี้เราจะมา “เตือนภัย” พร้อมแนะนำ 5 เทคนิคสำคัญในการเช่าบ้านออนไลน์อย่างปลอดภัย เพื่อให้คุณมั่นใจว่า “บ้านในฝัน” จะไม่กลายเป็น “ฝันร้าย” หลังจากโอนเงินค่ะ
1. สภาพทรัพย์สินไม่ตรงปก ระวังเสียเงินฟรี!
การเห็นรูปบ้านหรือคอนโดสวย ๆ ในโพสต์ออนไลน์ อาจไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงเสมอไป ผู้ปล่อยเช่าบางรายใช้ภาพเก่าหรือภาพจากอินเทอร์เน็ตเพื่อหลอกล่อให้ผู้เช่าสนใจ
สิ่งที่ควรทำ :
- นัดเข้าดูทรัพย์สินจริงก่อนทุกครั้ง หรืออย่างน้อยให้วิดีโอคอลตรวจสอบห้องจริง
- ขอถ่ายรูปทั้งภายในและภายนอก พร้อมเก็บไว้เป็นหลักฐานแนบในสัญญา
- ตรวจสอบรายละเอียดให้ครบ เช่น เฟอร์นิเจอร์ที่ให้, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ระบบน้ำไฟ และความสะอาดของพื้นที่
ในกรณีเช่าระยะยาว ควรบันทึกรายการอุปกรณ์และสภาพของแต่ละชิ้น เช่น แอร์, เครื่องทำน้ำอุ่น, ตู้เย็น รวมถึงการระบุว่า “ราคาเช่ารวมค่าส่วนกลางหรือไม่” เพื่อป้องกันปัญหาการเรียกเก็บเพิ่มภายหลัง
2. หนี้ซ่อนเร้น ปัญหาคาราคาซังที่อาจตกถึงคุณ
ในกรณี เช่าคอนโด สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ “หนี้ส่วนกลาง” ของเจ้าของห้อง เพราะหากเจ้าของค้างชำระค่าส่วนกลาง นิติบุคคลอาจไม่ยอมออกเอกสารรับรอง หรือในบางกรณีอาจปิดกั้นการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำ
สิ่งที่ควรถามเจ้าของก่อนเช่า :
- มี “ใบปลอดหนี้” จากนิติบุคคลหรือไม่
- ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ใครเป็นผู้รับผิดชอบ
- เคยมีปัญหาเรื่องการชำระค้างหรือไม่
แม้คุณจะเป็นเพียง “ผู้เช่า” แต่การตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจว่า เจ้าของมีความรับผิดชอบ และคุณจะไม่ต้องมารับภาระแทนในภายหลัง
3. ทำเลดีแต่มี “สิ่งรบกวน” เสียใจภายหลัง
ทำเลที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการเช่าหรือปล่อยเช่าอสังหาฯ แต่หลายคนกลับตัดสินใจเร็วเกินไปโดยไม่ได้สำรวจรอบข้างให้ละเอียด
ควรเช็กให้แน่ก่อนเซ็นสัญญา :
- รอบบ้านมีแหล่งเสียงดัง เช่น ผับ บาร์ หรือโรงงานไหม
- มีปัญหากลิ่นจากท่อหรือแหล่งอุตสาหกรรมใกล้เคียงหรือเปล่า
- สภาพแสงในพื้นที่ตอนกลางคืนปลอดภัยไหม มีไฟส่องสว่างหรือไม่
- มีสถานที่อำนวยความสะดวกใกล้เคียง เช่น รถไฟฟ้า ห้าง ตลาด โรงเรียน หรือโรงพยาบาลไหม
อย่าลืมว่า “สิ่งรบกวน” เล็ก ๆ อย่างกลิ่น เสียง หรือเพื่อนบ้านไม่ดี สามารถทำให้การอยู่อาศัยไม่มีความสุข และลดมูลค่าทรัพย์สินได้ในระยะยาว
4. สัญญาเช่าต้องรัดกุม ไม่งั้นเสียเปรียบแน่
สัญญาเช่า คือเอกสารที่คุ้มครองสิทธิของทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า แต่หลายครั้งกลับถูกละเลย โดยเฉพาะเมื่อเป็นการเช่าระหว่างบุคคลทั่วไป
สิ่งที่สัญญาควรระบุอย่างชัดเจน :
- รายละเอียดทรัพย์สินที่เช่า และของที่ให้พร้อม
- เงื่อนไขการชำระค่าเช่า / วันครบกำหนด
- การคืนเงินมัดจำ (ควรมีเงื่อนไขชัด เช่น ต้องคืนภายในกี่วันหลังผู้เช่าย้ายออก)
- การซ่อมแซม: ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบ หากทรัพย์สินชำรุดเสียหาย
- บทลงโทษหากผิดสัญญา เช่น การยึดเงินประกัน หรือการฟ้องขับไล่
ห้ามโอนเงินค่าเช่าหรือเงินมัดจำก่อนเห็นสัญญาฉบับจริง และควรระบุชื่อบัญชีที่รับเงินต้องตรงกับชื่อเจ้าของบ้านเท่านั้น
5. ใช้บริการนายหน้ามืออาชีพ ปลอดภัยกว่าเยอะ!
หากคุณเป็นผู้เช่าหรือผู้ลงทุนมือใหม่ การใช้บริการ นายหน้าอสังหาฯ มืออาชีพ จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก นายหน้าที่มีใบอนุญาตจากกรมที่ดินหรือนิติบุคคลที่น่าเชื่อถือ จะมีระบบตรวจสอบเอกสารและเจ้าของทรัพย์สินอย่างเข้มงวด
ประโยชน์ของการใช้บริการนายหน้า :
- ตรวจสอบเอกสารกรรมสิทธิ์และสถานะทรัพย์สิน
- ให้คำแนะนำเกี่ยวกับราคาตลาดและทำเลที่เหมาะสม ช่วยร่างและตรวจสัญญาเช่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
- ทำหน้าที่เป็น “ตัวกลาง” ลดความเสี่ยงการโอนเงินผิดบุคคล
นายหน้าที่ดีไม่เพียงช่วยให้การเช่าบ้านปลอดภัยขึ้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและลดความเครียดจากขั้นตอนเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างมาก
การเช่าบ้านออนไลน์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคุณรู้จัก “ตรวจสอบ” และ “ตั้งคำถามให้ถูกจุด” ทุกขั้นตอนควรมีหลักฐานชัดเจน ตั้งแต่การดูทรัพย์สิน การเช็กหนี้ส่วนกลาง ไปจนถึงการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
การเช่าบ้านอย่างปลอดภัย เริ่มจากการไม่รีบ และตรวจสอบทุกอย่างด้วยตนเองเสมอ หากบทความนี้มีประโยชน์ อย่าลืมกดแชร์ต่อให้เพื่อน ๆ หรือครอบครัวที่กำลังมองหาบ้านเช่าออนไลน์นะคะ ติดตาม www.homehug.in.th เพื่อรับสาระดี ๆ เรื่องอสังหา