ห้องคอนโดมีแบบไหนบ้าง? เลือกอย่างไรให้ได้ห้องอยู่สบาย ตรงตามความต้องการ

ใครกำลังสนใจหาซื้อห้องชุดคอนโดกันอยู่ คงมีหลายเรื่องให้เลือกคิดตัดสินใจกันใช่ไหมคะ? ไม่ว่าจะในเรื่อง ทำเล งบประมาณ หรือรูปแบบของห้องในคอนโดที่ต้องการ โดยการจะรู้ว่าแบบห้องคอนโดที่ตรงใจเรานั้นเป็นแบบไหน เพื่อน ๆ ต้องรู้ก่อนว่าห้องคอนโดมีกี่แบบ และขนาดห้องคอนโดแต่ละแบบควรมีพื้นที่ใช้สอยเท่าไรถึงจะเหมาะสม ซึ่งบทความนี้ Home Hug ก็มีข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับห้องชุดคอนโดมาฝากกันแล้วค่ะ
การเลือกประเภทห้องคอนโดมีความสำคัญอย่างไร?
ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือเช่าคอนโดให้ได้ห้องที่มีฟังก์ชันการใช้งานและขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ตรงกับความต้องการ เราควรต้องทำความเข้าใจแบบห้องชุดต่าง ๆ ก่อนว่าเหมาะกับการใช้ชีวิตสไตล์ไหน ห้องคอนโดกี่ตารางเมตรถึงจะเหมาะสมกับจำนวนห้องนอนและผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ประเภทและขนาดของห้องคอนโดยังมีผลต่อค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น นางสาว A เป็นพนักงานบริษัทที่ไปทำงานทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เช้าจนค่ำ มีเวลาอยู่ที่ห้องคอนโดแค่ตอนนอนในช่วงกลางคืน ส่วนวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ก็ชอบออกไปเที่ยวนอกบ้าน ดังนั้นห้องชุดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์อาจเป็นคอนโดห้องสตูดิโอ ขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25 - 30 ตร.ม. ซึ่งจะมีราคาค่าผ่อนคอนโด ที่ถูกกว่าห้องไซส์ใหญ่ ๆ เหลือเงินให้นางสาว A ใช้ไปกับค่าเดินทาง รวมถึงค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ
เปรียบเทียบให้เห็นภาพที่แตกต่างอย่างชัดเจน นางสาว B เป็นคนประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) ใช้เวลาทำงานอยู่ที่คอนโดเป็นหลัก แถมยังเลี้ยงแมวอยู่เป็นเพื่อนอีก 1 ตัว ดังนั้นห้องชุดที่ลงตัวกับวิถีชีวิตก็อาจจะต้องเป็นแบบห้องคอนโด 30 ตร.ม. ขึ้นไป และควรมีการแบ่งฟังก์ชันห้องต่าง ๆ ให้ที่ชัดเจน เช่นแบบ 1 ห้องนอน หรือ 1 ห้องนอนพลัส เพื่อให้มีพื้นที่ พักผ่อน ทำงาน เลี้ยงแมว อย่างเป็นสัดส่วน
นอกจากนี้ การเลือกขนาดห้องชุดคอนโดกี่ตารางเมตร ก็ยังมีผลต่อค่าส่วนกลางคอนโดอีกด้วย เพราะคอนโดจะคิดอัตราค่าส่วนกลางโดยคำนวณตามขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้อง ดังนั้นถ้าเราเลือกห้องที่มีขนาดพอดีกับความต้องการอยู่อาศัย ค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายก็จะมีความเหมาะสม แต่ถ้าเราเลือกห้องที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ก็จะต้องเสียค่าส่วนกลางมากกว่าที่ควรนั่นเองค่ะ
6 ประเภท ห้องคอนโดมีกี่แบบ แต่ละแบบดีอย่างไร?

ห้องคอนโดส่วนใหญ่ที่พบได้ทั่วไปในประเทศไทยจะมีอยู่ 6 แบบหลัก ๆ ค่ะ โดยแต่ละแบบก็จะมีขนาดที่เหมาะสมอยู่ด้วย ตั้งแต่ห้องคอนโดเล็ก ๆ ไปจนถึงห้องคอนโด 2 ชั้นขนาดใหญ่ มาดูกันดีกว่าว่ามีแบบใดบ้าง และแต่ละแบบจะตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ดีอย่างไร
ห้องคอนโดแบบสตูดิโอ
ขนาดห้องคอนโดมาตรฐานตามกฎหมาย พรบ.ควบคุมอาคารชุดของประเทศไทย จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 20 ตร.ม. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วห้องชุดที่มีขนาดเล็ก ๆ ประมาณ 20 - 25 ตร.ม. จะถูกวางฟังก์ชันให้เป็นคอนโดห้องสตูดิโอ ไม่มีการกั้นส่วนห้องนอนกับห้องนั่งเล่น จะเชื่อมรวมพื้นที่กันแบบ Open Plan เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ไปกับผนัง และช่วยให้ห้องที่มีขนาดเล็กดูโปร่งยิ่งขึ้น แต่อาจยังมีการกั้นครัวด้วยประตูกระจกเพื่อความเป็นสัดส่วน โดยห้องสตูดิโอจะเหมาะกับการอยู่อาศัยแค่ 1 คน สำหรับคนเมืองที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้านเป็นหลัก
ห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอน
แบบห้องคอนโดที่พบได้มากที่สุดในปัจจุบันคือห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยจะมากกว่าสตูดิโอขึ้นหน่อยที่ราว ๆ 25 - 35 ตร.ม. เพิ่มพื้นที่ใช้ชีวิตและช่วยให้กั้นห้องนอนแยกจากห้องนั่งเล่นได้เป็นสัดส่วน ในอดีตคอนโด 1 ห้องนอนมักกั้นห้องด้วยผนังทึบ แต่ปัจจุบันนิยมกั้นด้วยประตูกระจกเพื่อความปลอดโปร่งในการอยู่อาศัย และจะมาพร้อมกับส่วนครัว รวมถึงมุมนั่งทานอาหาร เหมาะกับอยู่อาศัย 1 คนแบบที่อึดอัดในระหว่างวันน้อยกว่าสตูดิโอ หรืออยู่ 2 คนในกรณีที่ออกจากห้องไปทำงานทุกวันกันทั้งคู่
ห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอนพลัส
แบบคอนโดที่พัฒนาขึ้นมาจากโจทย์ความต้องการของคนอยู่ห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอน ก็คือห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอนพลัส ซึ่งขนาดพื้นที่ใช้สอยจะคาบเกี่ยวกับแบบ 1 ห้องนอนธรรมดา ที่ประมาณ 30 - 40 ตร.ม. แต่จะมีการกั้นห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของคนเมืองยุคใหม่ ที่จะอาจอยู่อาศัยแค่ 1 - 2 คน แต่ใช้เวลาอยู่ห้องมากขึ้น เช่นที่คนทำงานอาชีพอิสระ หรือคนที่เข้าออฟฟิศ 3 วัน ทำงานที่บ้าน 2 วัน ห้องอเนกประสงค์ก็จะถูกใช้เป็นห้องทำงาน หรือในปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีเทรนด์นิยมเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น ห้องอเนกประสงค์ก็จะถูกใช้เป็นที่อยู่ของหมาหรือแมว
ห้องคอนโดแบบ 2 ห้องนอน
ห้องนอนคอนโด ที่อยู่ภายในห้องชุด ตามกฎหมาย พรบ.ควบคุมอาคารชุด ถูกกำหนดไว้ว่าต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 8 ตร.ม. ดังนั้น ถึงในห้องชุดจะกั้นห้องย่อยเป็น 2 ห้อง แต่ถ้าห้องมีห้องหนึ่งเล็กกว่า 8 ตร.ม. ก็จะถูกจัดเป็นห้องคอนโดแบบ 1 ห้องนอนพลัส ในข้อที่แล้ว โดยห้องคอนโดแบบ 2 ห้องนอน จะมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 40 ตร.ม. ขึ้นไป เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ที่รองรับผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น โดยอาจเพิ่มห้องอเนกประสงค์เข้าไปให้กลายเป็น ห้องคอนโดแบบ 2 ห้องนอนพลัส ก็ได้ เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 - 3 คน ในแบบของครอบครัวคนเมือง
ห้องคอนโดแบบลอฟต์
รูปแบบห้องชุดที่ได้รับความสนใจเยอะในปัจจุบันคือห้องคอนโด 2 ชั้น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือห้องแบบลอฟต์และดูเพล็กซ์ ข้อนี้เราขอมาพูดถึงลอฟต์กันก่อน ห้องคอนโดแบบลอฟต์คือห้องชุดที่มีเพดานสูงตั้งแต่ 4 ม. ขึ้นไป แล้วซอยแบ่งชั้นลอยเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานในแนวสูง โดยชั้นลอยไม่ถือว่าเป็นชั้น 2 แต่นับเป็น ‘ชั้นเฟอร์นิเจอร์’ และไม่ถูกคิดพื้นที่ใช้สอย
ปกติแล้วห้องคอนโดแบบลอฟต์จะไม่ทำชั้นลอยแบบเต็มพื้นที่ทั้งหมด โดยมักจะเหลือพื้นที่เพดานสูงไว้เพื่อความปลอดโปร่งประมาณครึ่งหนึ่งของห้อง ซึ่งห้องชุดที่มักนำมาทำเป็นลอฟต์จะมีทั้งแบบสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอนพลัส พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 22 - 35 ตร.ม. (ไม่นับรวมชั้นลอย)
สำหรับห้องคอนโดแบบลอฟต์ จะมีห้องน้ำและประตูเข้าออกที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินส่วนกลางได้แค่ที่ชั้นหลักเท่านั้น ไม่สามารถอยู่บนชั้นลอย (ชั้นเฟอร์นิเจอร์) ได้ ต่างจากห้องแบบดูเพล็กซ์ที่เราจะอธิบายต่อไปค่ะ
ห้องคอนโดแบบดูเพล็กซ์
ห้องคอนโดแบบดูเพล็กซ์ คือห้องคอนโดแบบ 2 ชั้นอย่างแท้จริงค่ะ โดยชั้น 2 จะถูกนับเป็นพื้นที่ใช้สอยเหมือนกับชั้น 1 และเพดานทั้ง 2 ชั้นจะมีความสูงปลอดโปร่งเป็นปกติ ชั้นละ 2.60 ม. ขึ้นไป เหมือนห้องชุดชั้น ไม่ตีบทึบเหมือนห้องลอฟต์ที่จริง ๆ แล้วคือห้องชั้นเดียวเพดานสูง 4 ม. แต่นำมาซอยเป็นชั้นลอย
บนชั้น 2 ของห้องคอนโดแบบดูเพล็กซ์สามารถมีห้องน้ำได้ตามปกติ รวมถึงสามารถมีประตูทางเข้าออกห้องชุดที่เชื่อมต่อกับโถงทางเดินส่วนกลางได้ด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วห้องคอนโดแบบดูเพล็กซ์จะเป็น 1 ห้องนอน, 1 ห้องนอนพลัส หรือ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50 ตร.ม. เป็นต้นไป รองรับความต้องการของครอบครัวคนเมืองที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 - 3 คน
แต่เมื่อห้องคอนโดดูเพล็กซ์ถูกนับพื้นที่ใช้สอยทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ก็ทำให้ต้องจ่ายค่าส่วนกลางมากกว่าห้องแบบลอฟต์ ซึ่งจะนับพื้นที่ส่วนกลางแค่ชั้นล่างนั่นเองค่ะ
ห้องคอนโดแบบเพนท์เฮาส์
ห้องคอนโดแบบเพนท์เฮาส์ คือแบบห้องชุดที่มักพบตามคอนโดหรู เป็นห้องชุดที่จะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านบนคอนโด แม้จะมีแค่ชั้นเดียวไม่เหมือนกับดูเพล็กซ์ที่มี 2 ชั้น แต่มักได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 100 ตร.ม. ไปจนถึงหลายร้อยตารางเมตร บางแห่งอาจได้พื้นที่ทั้งชั้นของคอนโดไปเพียงห้องเดียวเลยก็ได้ โดยมักซอยออกเป็น 3 - 5 ห้องนอน เพื่อรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ รวมถึงมีลิฟต์โดยสารส่วนตัวมาจอดถึงประตูห้อง รวมถึงมีการล็อกที่จอดรถประจำให้ตั้งแต่ 1 - 2 คันขึ้นไป
ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกห้องคอนโด

พอเรารู้จักห้องคอนโดแบบต่าง ๆ ไปแล้ว ก่อนตัดสินใจเลือกห้องคอนโดยังมีอีกหลายเรื่องให้คิดก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือทำสัญญาเช่าคอนโด เพื่อให้ได้ห้องที่ตรงกับความต้องการและความพร้อมในชีวิต โดยมีเรื่องให้พิจารณาดังนี้ค่ะ
วิถีชีวิตภายในห้อง จำนวนผู้อยู่อาศัยมีผลสำคัญมาก ๆ กับการเลือกขนาดของห้อง ถ้าอยู่แค่ 1 คน และอยู่ห้องแค่เวลานอนเป็นหลัก อาจพิจารณาห้องสตูดิโอหรือ 1 ห้องนอน ก็เพียงพอ แต่ถ้าใช้เวลาส่วนมากอยู่ที่ห้อง ก็คงต้องคิดเผื่อพื้นที่ชีวิตให้อยู่ได้สบายแบบไม่อึดอัด อาจเลือกห้อง 1 ห้องนอนพลัส เพื่อให้มีมุมทำงาน ทานอาหาร พักผ่อน อย่างเป็นสัดส่วน โดยถ้ามีสมาชิกอยู่ร่วมกันหลายคนก็พิจารณาขนาดกับฟังก์ชันจำนวนห้องนอนตามปริมาณของคนในครอบครัว
ทิศทางรับแสงของห้อง อีกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตภายในห้องคือทิศทางที่หน้าต่างบานหลักของห้องเปิดรับแสงสว่าง ถ้าเป็นคนที่ต้องตื่นเช้าออกไปทำงานทุกวัน ห้องที่มีหน้าต่างทางทิศตะวันออกก็จะช่วยปลุกให้ตื่นในแต่ละวัน และไม่โดนแดดโดยตรงในช่วงบ่าย พอเรากลับห้องมาในตอนค่ำห้องก็จะมีความร้อนสะสมไม่มากเท่ากับห้องที่หันไปทางทิศตะวันตก ซึ่งอาจเหมาะกับคนตื่นสาย ค่อย ๆ ออกไปใช้ชีวิตในช่วงบ่ายถึงค่ำมากกว่านั่นเอง
ความพร้อมทางการเงิน ข้อนี้เกี่ยวข้องกับการเลือกห้องคอนโดโดยตรง เพราะห้องคอนโดราคาขายหรือให้เช่าเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องชุดด้วยนั่นเอง เพราะคอนโดนั้นคิดราคา/ตร.ม. การเลือกขนาดห้องให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนหรือจ่ายค่าเช่าจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้การเงินไม่ติดขัดนั่นเอง
ทำเลที่ตั้งของคอนโดก็มีผลต่อราคาขายและค่าเช่าของห้องคอนโดเช่นกัน บางครั้งเราอาจจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างคอนโดที่มีราคาเท่ากัน แต่อยู่บนทำเลที่ต่างกัน เช่น ห้องชุดคอนโดลาดพร้าวแบบสตูดิโอ อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าทำเลเมือง ขนาด 25 ตร.ม. ราคา 3 ล้านบาท หรือ ห้องชุดคอนโดนนทบุรีแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 50 ตร.ม. แต่ต้องเดินทางนิดหน่อยก่อนถึงรถไฟฟ้า ราคา 3 ล้านบาทเท่ากัน
ถ้าเจอโจทย์แบบนี้ อาจต้องนำค่าเดินทาง ระยะเวลาเดินทาง และความจำเป็นในการอยู่ห้องขนาดเล็กหรือใหญ่ มาประกอบการตัดสินใจ เพราะถึงงบการเงินจะเท่ากัน แต่วิถีชีวิตจะไม่เหมือนกันเลยค่ะ
ห้องคอนโดแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง
ไม่ใช่ว่าห้องคอนโดทุกแบบจะเหมาะกับทุกคน และห้องบางแบบอาจมีจุดบกพร่องในการออกแบบจนไม่เหมาะกับการอยู่อาศัยเลยก็ได้ มาดูกันดีกว่าว่าห้องคอนโดแบบไหนที่ไม่เหมาะกับใครบ้าง
- ห้องติดบันไดหนีไฟหรือที่ทิ้งขยะ ห้องชุดที่มักจะเหลือขายเป็นห้องท้าย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟและที่ทิ่งขยะ ในกรณีของบันไดหนีไฟจัดเป็นจุดที่ลูกบ้านเห็นแก่ตัวบางคนชอบแอบเข้าไปสูบบุหรี่ อาจส่งกลิ่นเข้ามารบกวนเราได้ ส่วนห้องที่อยู่ติดที่ทิ้งขยาะ จะเจอทั้งปัญหาเรื่องกลิ่นขยะและเสียงปิดประตูดัง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลายเวลาในแต่ละวัน แต่ถ้าเรามีงบน้อย จำเป็นต้องหาห้องอยู่เป็นการชั่วคราว ห้องแบบนี้ก็อาจจะตอบโจทย์ได้ค่ะ
- ห้องที่ถูกชั้นลานจอดรถของอาคารใกล้เคียงบังวิว คอนโดในเมืองหลาย ๆ แห่งสร้างขึ้นบนทำเลที่มีกลุ่มอาคารอยู่กันหนาแน่น การถูกบังวิวหรือบล็อกวิวโดยตึกรอบข้างจึงอาจเกิดขึ้นได้ โดยวิวที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดคือลานจอดรถ ที่ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งไม่ดี เพราะจะต้องเจอกับมลภาวะทั้งทางอากาศและเสียง จากควันไอเสียของรถ และเสียงดังจากรถที่ขับขึ้นลงจนเราไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
- ห้องที่แบบแปลนมีการกั้นผนังจนทึบเกินไป คอนโดเก่าหลาย ๆ แห่งอาจมีแปลนดั้งเดิมที่อับทึบด้วยผนังที่กั้นห้องเป็นส่วน ๆ จนบางมุมไม่มีแสงธรรมชาติเข้าถึง ห้องแบบนี้มักมีปัญหาเรื่องความอับชื้น อากาศถ่ายเทได้ไม่ดี จนส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ ควรเลือกห้องที่มีความโปร่ง แสงสว่างส่องได้ทั่วถึง หรือมีระบบจัดการอากาศที่ดี
ห้องคอนโด ถ้าเลือกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะดีไปด้วย
การเลือกห้องชุดคอนโด มีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ในหลาย ๆ มิติเลยนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องขนาดของห้องกับจำนวนผู้พักอาศัย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแต่ละวัน หรือที่สำคัญเลยคือเรื่องราคา ทั้งค่าผ่อนและค่าเช่า ดังนั้น Home Hug ก็หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะนำสาระจากบทความนี้ไปช่วยให้เลือกห้องคอนโดได้ถูกใจ ตรงความต้องการกันนะคะ ส่วนใครกำลังวางแผนซื้อขายคอนโด หรือหาห้องให้เช่า www.homehug.in.th เป็นแพลตฟอร์มที่มีประกาศขาย - เช่าคอนโดมากมายหลากหลายทำเลให้เลือกดูกัน ลองแวะเข้าไปใช้งานได้เลยค่ะ